10 เมืองสุดยอด SMART CITY ในโลก

10 เมืองสุดยอด SMART CITY ในโลก


Smart City ระบบเมืองอัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีหลายด้านเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงการวางผังเมืองที่ฉลาด รองรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย ซึ่งมีอยู่หลายประเทศด้วยกันที่จัดเป็น Smart City ที่มีคุณภาพ วันนี้เราก็มี 10 เมืองมาฝากกับสุดยอด Smart City ในโลก 

10 บาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ประเดิมด้วยอันดับที่ 10 ของโลกของการเป็นเมือง Smart City นั่นก็คือเมืองบาร์เวลโลนา ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน มีการบูรณาการวางผังเมือง นิเวศวิทยา และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเชื่อมต่อประชาชนเมืองได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังเป็นเมืองแรกของโลกที่ออกกฎหมายมาสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  ได้แก่ Solar Thermal Ordinance มาเป็นเวลานับทศวรรษ 

9 ฮ่องกง ประเทศจีน

ฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งเมือง Smart City ที่สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันฮ่องกงมีการใช้เทคโนโลยี RFID (Radio-frequency Identification) คือ การเก็บข้อมูลหรือระบุข้อมูลแบบอัตโนมัติ รับสัญญาณจากแท็กเข้าสู่ตัวสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุขนาดเล็ก โดยสามารถบันทึกข้อมูลในแท็กมาใช้ในสนามบิน นอกจากนี้ยังกำหนดให้ประชาชนใช้ สมาร์ทการ์ด ในการชำระค่าบริการขนส่งสาธารณะ การผ่านเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ และลานจอดรถ

8 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก ที่ถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย เมืองนี้ประชาชนส่วนใหญ่ใช้จักรยานกันอย่างแพร่หลาย เป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ มีเครือข่ายแลกเปลี่ยนจักรยาน ทั้งยังเป็นผู้นำในการพัฒนาและใช้นวัตกรรมสีเขียว มีการใช้ระบบอัจฉริยะในการควบคุมไฟบนท้องถนน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในที่สาธารณะ เป็นต้น โคเปนเฮเกนยังได้ทำพันธะสัญญาที่จะสร้างแนวคิด คาร์บอนสมดุล คือ ภาวะที่ผลลัพธ์ของการกระทำโดยรวมไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนสุทธิ (Net Carbon) ขึ้นในชั้นบรรยากาศ และรณรงค์ให้ประชากรใช้จักรยานในการเดินทางร้อยละ 40 ภายใน พ.ศ. 2568

7 เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี 

กรุงเบอร์ลินเป็นเมืองที่มีการใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเฉพาะการทดลองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยการวางเครือข่ายสถานีเติมไฟ หรือ V2G (Vehicle-to-Grid) ในเมือง เป็นการสนับสนุนให้ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

6 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เมืองแห่งโลกดิจิทัลและนวัตกรรมต่างๆ และเมื่อไม่นานมานี้ยังได้สร้าง เมืองอัจฉริยะ ขึ้นบริเวณชานเมืองที่ประกอบไปด้วยบ้านที่มีแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และพลังงานที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) นอกจากนี้ บริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง นิสสัน ยังเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรก คือ นิสสัน ลีฟ (NISSAN LEAF) ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาด้านพลังงานและลดมลพิษในอากาศอีกด้วย

5 ลอนดอน สหราชอาณาจักร

เมืองที่มีนวัตกรรมสีเขียวมากมาย มีการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ถนนในเขตจราจรหนาแน่น อย่างในใจกลางกรุงลอนดอน ในเวลา 07.00 น.-18.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ วันปีใหม่ และวันคริสต์มาส เพื่อลดการจราจรในเมือง และเป็นการส่งเสริมการขนส่งสาธารณะในเมือง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการสร้าง/ปรับปรุงบ้านเพื่อเข้าสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ

4 นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

เมืองที่กำลังเตรียมก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางด้านการสื่อสาร ซึ่งในปัจจุบันได้มีการสร้างรูปแบบให้ประชาชนในเมืองมีส่วนร่วม (Interactive Platform) โดยการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลข่าวสารในที่ต่าง ๆ แทนที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ทั้งยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เมืองมีความปลอดภัยและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องมืออัจฉริยะ ระบบเซ็นเซอร์ ซอฟต์แวร์ ที่สามารถเฝ้าติดตามและพัฒนาการจราจร และปกป้องโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

3 ปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

อีกหนึ่งเมืองที่อัจฉริยะอย่างโดดเด่น พร้อมทั้งด้านนวัตกรรม และการบริหารจัดการด้วยระบบดิจิทัล อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ประสบความสำเร็จเรื่องจักรยานสาธารณะ หรือ Velib และยังมีการเปิดตัวรถไฟฟ้าสาธารณะขนาดเล็ก (EVs) หรือ Autolib เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในเมืองอีกด้วย

2 โทรอนโต ประเทศแคนาดา

เมืองโทรอนโต เป็นสมาชิกของกลุ่ม C40 (Clinton 40)  ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำการรณรงค์ด้านสภาวะอากาศในเมืองใหญ่ 40 เมืองทั่วโลก เพื่อหาแนวทางการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หน่วยงานภาคเอกชนในเมืองโทรอนโซยังร่วมในการาสร้าง Smart Commute Toronto เพื่อช่วยกันลดปัญหาการจราจรและมลพิษในเมือง โดยการสนับสนุนให้ใช้จักรยานและอำนวยความสะดวกข้อมูล เช่น เครือข่ายผู้ใช้รถจักรยาน การซ่อมบำรุงและพื้นที่การจอด นอกจากนี้ เมืองโทรอนโตยังมีการใช้ก๊าซธรรมชาติจากหลุมฝังกลบมาเป็นพลังงานให้กับรถบรรทุกขยะในเมือง 

1 เวียนนา ประเทศออสเตรเลีย

ปิดท้ายด้วย Smart City ที่ดีที่สุดในโลกอย่างเวียนนา เมืองที่อุดมไปด้วยนวัตกรรม มีเขตเมืองสีเขียวถูกตั้งเป้าหมายให้ได้มากที่สุด มีการใช้พลังงานทดแทนถึง 14% มีโรงงานผลิตพลังงานชีวภาพใหญ่ที่สุดในยุโรป และมีเป้าหมายที่จะติดตั้ง แผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Panels) ให้ได้ 300,000 ตารางเมตรในปี 2020 และมีการบริหารจัดการแบบดิจิทัล นอกจากนี้ ยังได้วางวิสัยทัศน์และโครงการต่าง ๆ มากมาย เพื่อก้าวสู่การเป็น Smart City เต็มรูปแบบ ทั้งการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การขนส่ง และการวางแผนการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน